iCreativeSystems

805fa67b-9753-466a-ae69-63cbb0673d2bBLOG-Drone-inspec

เทคโนโลยี UAV ช่วยอะไร ในการตรวจสอบสภาพอาคาร / อุตสาหกรรม

ก่อนอื่นอยากให้ทุกท่านได้รู้จักกับคำว่า “Visual Inspection” เป็นรูปแบบการตรวจสอบสภาพสิ่งที่ต้องการซ่อมบำรุงด้วยสายตาอย่างถี่ถ้วนในทุกๆ ส่วน ซึ่งบางครั้งหากสิ่งเหล่านั้นมีขนาดใหญ่ เช่นอาคารสูง เสาส่งสัญญาณ หรือท่อที่มี

ความยาวหลายร้อยเมตร การตรวจสอบนั้นจะใช้เวลานานเป็นอย่างมากด้วยข้อจำกัดในการเคลื่อนที่ของมนุษย์ และยังมีในบางพื้นที่ ที่การเข้าถึงนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก ผู้ตรวจสอบต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อเข้าถึงพื้นที่เหล่านั้น เช่น อาคารสูง ถังหรือท่อความดัน หม้อต้มขนาดใหญ่ ในโรงงานอุตสหกรรม

ในหลายกรณี โดรนจึงถูกนำมาใช้ในการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบอาคาร ด้วยการ Visual Inspection ผ่านเลนกล้องที่ถ่ายทอดภาพมายังผู้ตรวจสอบแบบเรียลไทม์ หรือ การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยรอบทั้งหมดเพื่อนำมาตรวจสอบรายละเอียดในภายหลัง ซึ่งการตรวจสอบในภายหลังนี้จะได้ภาพที่ชัดเจนครบถ้วนในทุกส่วนของโครงสร้างที่โดรนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งวิธีนี้จะถูกเรียกว่า Drone Inspection

ตัวอย่างเช่น การตรวจสอบสภาพอาคารสูง ที่มีความสูงกว่า 20–30 ชั้น ซึ่งการตรวจสอบโดยปกตินั้น ผู้ตรวจสอบจะต้องเข้าถึงพื้นที่ในชั้นต่าง ๆ ด้วยการใช้เชือกโรยตัว หรือการสร้างนั่งร้านจึงจะสามารถปีนไปตามแต่ละชั้นเพื่อตรวจสอบให้ได้ทุกตารางนิ้ว นั่นเองทำให้ใช้เวลานาน และมีความอันตรายในการทำงาน หากพลาดอาจหมายถึงการสูญเสียชีวิตก็เป็นได้

การ Visual Inspection เป็นส่วนสำคัญในการวางแผนจัดการงานซ่อมบำรุงสินทรัพย์ขนาดใหญ่ของหลายบริษัท แน่นอนว่าการที่สามารถระบุตำแหน่ง และซ่อมแซมแต่ละจุดให้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำนั้นจะช่วยให้ยืดอายุการใช้งาน หรือลดข้อผิดพลาด และ ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นนั้น มีต้นทุนที่ถูกกว่าการซื้อ หรือ สร้างใหม่ แต่การนำ Drone inspection มาใช้นั้นไม่ได้ช่วยลดเพียงต้นทุน หรือช่วยเพิ่มความรวดเร็วเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตไว้ได้อีกด้วย อย่างเช่น การตรวจสอบอาคารสูงที่ผู้ตรวจสอบต้องทำการโรยตัวด้วยเชือกหรือการตั้งนั่งร้าน ที่อยู่บนที่สูงจากพื้นถึง 20–40 เมตร หากเกิดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดได้ทั้งจาก อุปกรณ์ที่ชำรุด ความไม่ระมัดระวังของผู้ตรวจสอบ หรือหากมองในด้านงานอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงในโรงงาน การตรวจสอบถังความดันที่มีความผิดปกติอาจเกิดอันตรายได้หากมีความผิดพลาดในการตรวจสอบ หรือตัวถังเกิดระเบิดขึ้นมาอันเนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในระหว่างการตรวจสอบ อาจส่งผลทำให้ผู้ตรวจสอบเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ตัว Drone Inspection จึงเข้ามาช่วยรวบรวมข้อมูลในพื้นที่อันตราย หรือเข้าถึงได้ยากให้กับผู้ตรวจสอบ

นอกจากนี้กระบวนการ Drone Inspection ยังสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลโดยนักบินโดรนรายอื่นที่ไม่ใช่ผู้ตรวจสอบ และนำข้อมูลที่ตัวโดรนรวบรวมได้ มาประมวลผลผ่านกระบวนการ Photogrammetry และส่งต่อให้กับผู้ตรวจสอบเพื่อเข้ากระบวนการพินิจวิเคราะห์ความเสียหาย และทำแผนเพื่อซ่อมบำรุง หรือทำเอกสารรับรองการตรวจสอบสภาพอาคารเพื่อยื่นต่อรัฐบาลได้เช่นกัน

ตัวอย่างการตรวจสอบอาคารด้วยเทคโนโลยี Drone inspection ข้อมูลที่ผู้ตรวจสอบจะได้รับ นั้น มีหลายรูปแบบ อาทิเช่น ภาพนิ่ง วีดีโอ ข้อมูลในรูปแบบของ 3d Model โดยสามารถสร้างได้จากข้อมูลที่โดรนเก็บรวบรวมมา หรือแม้กระทั่งในรูปแบบรายงานความเสียหายเฉพาะจุดที่ได้รับการประมวลผลจากปัญญาประดิษฐ์ว่าแต่ละจุดความเสียหายที่ปรากฎในรายงานนี้อยู่บริเวณใดของอาคาร และจำแนกว่าเป็นความเสียหายรูปแบบใด รวมถึงความเสียหายอยู่ในระดับร้ายแรงเพียงใด ซึ่งนั่นจะช่วยให้ผู้ตรวจสอบทำงานได้รวดเร็วขึ้น และไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าไปยังไซท์งานเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้น การนำโดรนเข้ามาใช้ในธุรกิจด้านการตรวจสอบสภาพความเสียหาย จะช่วยให้การทำงานของผู้ตรวจสอบเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ครบถ้วน แม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้มาก

ในประเทศไทยเองก็เริ่มที่จะเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเทคโนโลยีโดรนเข้ามาช่วยในการตรวจสอบสภาพอาคารสูงภายในประเทศแล้ว ในบางบริษัทเริ่มมีการนำโดรนมาใช้ทำงานแทนการตรวจสอบแบบดั้งเดิม ปัจจุบันนี้การใช้โดรนตรวจสอบอาคารภายในประเทศไทยกำลังถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยวิเคราะห์ รูปแบบและระดับความร้ายแรงความเสียหายของอาคารสูง ซึ่งแนวคิดนี้ถูกพัฒนาโดยทีมงาน Airosight ผู้เชี่ยวชาญด้าน UAV และ เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ของไทย

Credits by icsco.ai

Share this post